เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๘ พ.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันวิสาขบูชา วันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน วันนี้เป็นวันเกิดของศาสนา เพราะวันนี้ เห็นไหม เราทำบุญวันเกิดกัน เราทำบุญบริษัทกัน เราทำบุญทุกอย่างเลย แต่วันนี้เป็นวันเกิดของศาสนา ศาสนาพุทธเกิดวันนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้คืนนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ถ้าไม่ตรัสรู้ธรรม ธรรมะไม่เกิด

วันนี้วันเกิดของศาสนา พอวันเกิดของศาสนา นี่เป็นเรื่องของศาสนา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เกี่ยวอะไรกับเราล่ะ? เราเป็นมนุษย์เกี่ยวอะไรกับศาสนา ถ้าไม่มีศาสนานะ มนุษย์นี่เหมือนกับสัตว์ มันเอารัดเอาเปรียบกันนะ สัตว์เวลามันทำร้ายกัน มันทำร้ายแค่ชีวิต มนุษย์เวลาทำร้ายกันนะ มันทำร้ายกันเจ็บปวดข้ามภพข้ามชาติ อาฆาตมาดร้าย ผูกพยาบาทกันไปตลอด

แต่ถ้าตัวศาสนามันทำให้หัวใจร่มเย็นเป็นสุข ทำให้หัวใจนี้ไม่เบียดเบียนกันจนเกินไปนัก แต่คนมีกิเลสโดยธรรมชาติ ธรรมชาติของคน คนที่เกิดมานี่มีอวิชชาติดมาในหัวใจ อวิชชาตัวนี้มันอหังการ มันว่ามันทำได้ มันว่ามันรู้ มันว่ามันเหนือคนไง แต่เวลาเจ็บ เวลามันให้ผลของมันนะ กัมมะพันธุ กัมมะปฏิสะระโณ กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ นี่มันมีการกระทำ มันมีเผ่าพันธุ์ มันมีการกระทำของมันมา เห็นไหม แต่ตัวศาสนานี่ตัวจะมาเจือจาน ตัวจะมาทำให้คนดีขึ้น

คนมาวัดมาวา นี่วัดอาวาส ถ้าเราบอกไปวัดมันก็เหมือนบ้านเรานั่นแหละ บ้านเราก็มีอิฐ หิน ทราย ปูน เหมือนกัน มันเป็นการก่อสร้าง เราสร้างบ้านเราวิจิตรพิสดารยิ่งกว่าวัดอีก วัดมันก็อิฐ หิน ทราย ปูน เหมือนกัน แต่วัดมีผู้ทรงศีลไง มีผู้ทรงศีล มีภิกษุ มีผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม นี่เราไปวัดๆ เพราะผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติอันนั้นมันเป็นวัตร

วัฏฏะ วัตรปฏิบัติ เห็นไหม ปฏิบัติเพื่ออะไร? เพื่อเป็นคุณงามความดี เราไปวัดนี่เราไปวัดตรงนั้นแหละ เราเข้าไปวัดแล้วเราพอใจไหม? มันอึดอัดขัดข้องไปหมดนะ เวลาไปวัด เราคิดว่าไปวัดนี่วัดต้องบริการเรา วัดไม่ใช่โรงแรมนะ โรงแรมไปนี่เขาบริการเราอย่างดีเลย แต่วัดนี่เขาไปวัดใจเรา วัดเพื่อไปขัดเกลา เรามาวัดเพื่อขัดเกลาเรา เราต้องมาทรมานเรา

ทรมานใคร? ทรมานอวิชชาไง ทรมานตัวตน ทรมานตัวทิฏฐิมานะในหัวใจ ไอ้ตัวทิฏฐิมานะในหัวใจมันทำให้เราทุกข์ยาก ถ้าไม่มีทิฏฐิมานะ ไม่มีเรานะ ความคิดมาจากใคร? ความคิด ความรู้สึก ความสุข ความทุกข์ มันมาจากไหน? ความสุข ความทุกข์ มันมาจากใจทั้งหมด แล้วตัวใจตัวนี้มันไม่มีใครควบคุมมัน ไม่มีใครดูแลมัน พอไม่มีใครดูแลมันก็ปล่อยไปเหมือนสัตว์ไม่มีเจ้าของ แต่ตัวศาสนานี่ตัวทำให้สัตว์มีเจ้าของไง หัวใจมีศาสนา มีศีล มีธรรม เจ้าของคือศีลกับธรรมมันเข้าไปสถิตในใจ

ผู้บรรลุธรรม นี่ใจเป็นธรรมๆ ใจมันเป็นธรรม เนื้อของธรรมมันอยู่กับธรรม มันทำความชั่วไม่ได้ แต่ใจเราไม่เป็นธรรม ถ้าใจเป็นธรรมทำไมมันให้ผลเป็นความทุกข์กับเรา ผลที่มันเหยียบย่ำหัวใจนี่ใครให้ผล อวิชชา กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันให้ผลกับหัวใจเรา เห็นไหม มันเหยียบย่ำหัวใจเราอยู่เนี่ย

วันนี้วันเกิดของศาสนา ศาสนามีประโยชน์กับที่นี่นะ ศาสนาทำให้คนร่มเย็นเป็นสุข ศาสนาทำให้ปุถุชนกลายเป็นอริยบุคคล ศาสนาทำให้หัวใจที่มันเวียนตายเวียนเกิดนี้ จนมันไม่เวียนตายเวียนเกิดได้ จนมันมีความสุขในตัวของมันเองได้ ไม่มีใครทำได้! ในโลกนี้ไม่มี มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบเท่านั้น มีพระพุทธเจ้ากับพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เองโดยชอบ

เราเป็นสาวก สาวกะนะ พระพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน เห็นไหม บอกพระอานนท์ว่า

“อานนท์ เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือ ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายต้องดับเป็นธรรมดา เราตถาคตก็ต้องสิ้นสุดไปในคืนนี้”

นี่ตรัสรู้ เห็นไหม วันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน

“เราก็ต้องตายไปในคืนนี้” เห็นไหม เพราะร่างกายมันเป็นเรื่องของความชราคร่ำคร่าไป แต่ศาสนานี้ฝากไว้กับใครล่ะ? ฝากไว้กับภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับเรา

นี่วันนี้เป็นวันเกิดของศาสนา แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับเรา ศาสนามันก็มีแต่รูปแบบ ดูอาหารสิเราไปติดกันแต่ภาชนะไง เราไปติดกันแต่ถ้วย โถ โอชามสวยไปหมดเลยนะ แต่อาหารมันกินได้หรือไม่ได้ยังไม่รู้

นี่ก็เหมือนกัน ศาสนามีแต่พิธีกรรมไง จัดประชุมๆ นั่นน่ะสิ่งที่ประชุมกัน แล้วเราฟังนะมันฟังไม่ได้ เวลาประชุมกันนี่ เวลาเขากลับกันไปเขาให้สัมภาษณ์นะ

“สงสารมาก เมืองไทยเป็นเมืองพุทธศาสนา แต่คนไม่สนใจในศาสนา เมืองไทยนี่”

ไม่มาดูพระปฏิบัติบ้างนี่ ว่าพระปฏิบัติเขาอยู่ในป่าในเขานะ นี่ไงเขาไม่ติดในภาชนะไง เขาติดในเนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระของศาสนา เนื้อหาสาระของหัวใจ เนื้อหาสาระนี่ศีล สมาธิ ปัญญา มันอยู่ที่ไหน? ในตำรามันมีแต่ชื่อทั้งนั้นแหละ เอาชื่อมันมาอวดกัน ศีล สมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญา.. ศีล สมาธิ ปัญญา มันถือปืนจะยิงกันอยู่นั่นน่ะศีล สมาธิ ปัญญา

ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามันมีสมาธิอยู่นี่หัวใจมันต้องร่มเย็นสิ หัวใจมันต้องอยู่ของมันได้สิ ถ้าหัวใจมันอยู่ของมันได้ นี่ศีล สมาธิ ปัญญา มันอยู่ที่นี่ ถ้าศีล สมาธิ มันเกิดมาจากไหน? ศีล สมาธินี่ ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะ ถ้าไม่มีสตินะ สติตัวยับยั้งความคิดเรา ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะ นี่ศีล สมาธิ ปัญญา มันจะมาจากไหน? ถ้ามีสติขึ้นมาคนจะทำชั่วไหม?

เราจะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีสติเราจะไม่ทำสิ่งใดเลยที่เบียดเบียนคนอื่น เพราะการที่เบียดเบียนคนอื่น ถ้ามีสติสัมปชัญญะนะ การเบียดเบียนคนอื่นคือการทำลายเรา การทำลายเรานะ คนชั่ว คนที่ทำลายคนอื่นตลอดเวลา ชื่อเสียงของเขาจะเหม็นฟุ้งไปตลอดเวลา นี่เขาทำลายใคร? เขาทำลายตัวเขาเองนะ เพราะตัวเขาเองเกียรติศัพท์เกียรติคุณมันไปในทางลบหมดเลย

นี่จะเอาชนะเขาไง มันเบียดเบียนเราก่อน เบียดเบียนเราก็ทำร้ายเรา ทำร้ายเรา ทำร้ายทำไม ทำร้ายตัวเจตนา เห็นไหม เราจะทำอะไรก็แล้วแต่เราต้องมีความคิด มีความตั้งใจ มีเจตนาที่จะทำลายเขา ทำลายเขามันก็เท่ากับทำลายตัวเอง แต่มันไม่รู้หรอก เพราะถ้าตัวศาสนาเข้าไปนี่ มันมีสติ มันมีสัมปชัญญะ มันรู้จักตัวของมันเอง ถ้ารู้จักตัวของมันเอง มันจะทำลายเขามันก็ทำลายเราก่อน เพราะเราต้องคิด ต้องวางแผน

ดูสิเราจะทุจริต เราจะทำอะไรกัน เราวางแผน เราต้องหลบๆ ซ่อนๆ นี่มันทำลายตัวมันเองตลอดนะ แต่มันไม่รู้ มันไม่รู้เพราะมันไม่มีศีลไม่มีธรรมในหัวใจ เห็นไหม แต่ตัวศีลตัวธรรมมันยับยั้งตรงนี้ มันไม่ให้คิดทำลายเขา เพราะการคิดทำลายเขานี่มันทำลายตัวมันเองก่อน มันทำลายหัวใจให้เร่าร้อน มันทำลายตลอดเวลา นี่ตัวศีลธรรม ถ้าตัวศีลธรรมมันเกิดขึ้นมาในหัวใจ แล้วชาวพุทธ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จะมีความร่มเย็นเป็นสุขขนาดไหน?

นี่ไงเนื้อหาสาระมันอยู่ที่นี่ เนื้อหาสาระมันอยู่ที่อาหาร ไม่ได้อยู่ที่ภาชนะ เนื้อหาสาระมันไม่ได้อยู่ที่พิธีกรรม มันไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่เป็นวัตถุสวยๆ ไง วัตถุ เห็นไหม สร้างกันเต็มที่เลย ไปวัด วัดอยู่ไหน? วัดมันอยู่ในหัวใจของสัตว์โลกนะ วัดมันอยู่ในหัวใจของบริษัท ๔ วัดอยู่ในหัวใจของครูบาอาจารย์เรา นี่เนื้อหาสาระมันอยู่ที่นี่นะ ถ้าเนื้อหาสาระมันอยู่ที่นี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์

ครูบาอาจารย์ท่านบอกหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา อันนั้นน่ะมันเป็นธรรม เนื้อหาสาระมันอยู่ที่หัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เล่านิทาน ศีล สมาธิ ปัญญา นี่เล่านิทาน แต่นิทานนั้นใครไปทำความเป็นจริงขึ้นมา มันจะได้ผลตามความเป็นจริง แต่พอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่านิทานนะ สิ่งที่พระพุทธเจ้าเล่าเป็นกิริยาทั้งหมด พระไตรปิฎก คำสอนนั่นแหละบอกชี้ทางเข้ามา

แล้วเราไปศึกษานิทานขึ้นมา เห็นไหม วัฒนธรรมมาจากไหน? นี่เวลาเถรวาทๆ เราถือตรงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วัฒนธรรมของเขา ดูสิเถรวาทมันก็มีแต่ตาน้ำ ตาน้ำคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ออกมาเป็นแม่น้ำ แม่น้ำมันก็ผ่านไป ดูสิแม่น้ำโขงมันผ่านมากี่ประเทศ เวลามันผ่านไปตามโตก ตามหน้าผาชัน มันเกิดน้ำตก มันเกิดสิ่งต่างๆ เราก็ไปทึ่งกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น

วัฒนธรรม ประเพณี เห็นไหม ดูสิสิ่งที่เวลาเขาไปในลัทธิต่างๆ นี่ทำกันไป เราก็ไปตื่นเต้นกับสิ่งที่น้ำมันไปตกในโตก ไปตกในต่างๆ เราก็ไปตื่นเต้น อันนั้นมันมาจากไหน? ต้นขั้วมันมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ทุกอย่างนี่ แม่น้ำทั้งสายมันมาจากตาน้ำนั้น ตาน้ำนั้นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราเข้าไปถึงตาน้ำนั้น เราเข้าไปถึงต้นขั้วของศาสนา สิ่งที่เกิดมาเป็นแม่น้ำนั้นเราไปตื่นเต้นกับอะไร? นี่แม่น้ำนี้มาจากไหน? สายน้ำนี้มาจากไหน? เราก็ทำวิจัยกัน เราค้นหาต้นน้ำมัน

นี่ก็เหมือนกัน ศาสนานี้มาจากไหน? วันนี้วันเกิดพุทธศาสนาไง พุทธศาสนาสอนที่นี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ของเราสอนที่นี่ สอนให้เราทำคุณงามความดี คุณงามความดี ทำความดีเพื่อความดี อย่าไปคิดว่าทำคุณงามความดีเพื่อใคร? ถ้าทำคุณงามความดีเพื่อให้ความดีตอบสนองนะทุกข์ตายเลย

เวลาครูบาอาจารย์ของเราอยู่ในป่าในเขา เห็นไหม นั่งสมาธิภาวนาอยู่ในป่าคนเดียว นี่แล้วก็คิดกันว่าจะเอาคุณงามความดี เพราะครูบาอาจารย์เรามีชื่อเสียง เราก็จะไปอยู่ป่าๆ กัน สัตว์ป่ามันก็อยู่ในป่า สัตว์ป่ามันอยู่ในป่าตั้งแต่เกิดจนตาย สัตว์ป่ามันก็คือสัตว์ป่านั่นไง เพราะมันเป็นเดรัจฉาน แต่ของเรานี่เป็นมนุษย์นะ เราเป็นมนุษย์เราเข้าไปในป่าเพื่ออะไร? เพราะเข้าไปในป่ามันจะเกิดวิตกกังวล มันจะเกิดความทุกข์ยากในหัวใจทั้งหมดเลย

เราเข้าป่าไปเพื่อดัดแปลงหัวใจของเรา เราเข้าป่าไปเพื่อค้นคว้าสัจจะความจริงจากใจของเรา ถ้าใจของเรามันเข้าป่าไปเอาป่าเอาเขา เอาความวิตกกังวล เอาสิ่งที่เป็นความกลัวนั้นดัดแปลงหัวใจของเรา ดัดแปลงหัวใจของเราให้มันเข้มแข็งขึ้นมา สิ่งต่างๆ ที่เป็นความวิตกกังวล ความกลัว ไม่มีสิ่งใดๆ ในโลกไม่มีอะไรเลยถ้าหัวใจมันไม่กลัว หัวใจไม่สร้างภาพ หัวใจไม่คิดถึงผี ไม่คิดถึงสิ่งต่างๆ หัวใจจะไม่มีอะไรเลย

นี่หัวใจมันสร้างหมด กิเลสมันสร้างหมดใช่ไหม? นี่เราเข้าป่าเข้าเขาไป เห็นไหม ทำความดีเพื่อความดี ไปอยู่ในป่าในเขา อยู่คนเดียวนี่มันทุกข์ยากอยู่ทำไม? หลวงปู่มั่นตั้งแต่บวชจนวันท่านปรินิพพานไปเลย ท่านอยู่ในป่าในเขาตลอด เห็นไหม ถ้าพูดถึงวัตถุนะท่านเป็นคนที่ไม่ได้ออกมาสังคมกับโลกเลย ท่านจะไม่ได้สิ่งต่างๆ ที่เป็นเทคโนโลยี สิ่งที่เป็นความเจริญรุ่งเรืองสมัยปัจจุบันนี้เลย แต่ในหัวใจของท่าน ธรรมน่ะ ธรรม สภาวธรรมในหัวใจของท่าน ท่านจะเป็นประโยชน์มาก นี่เนื้อหาสาระของศาสนา

วันนี้วันเกิดของศาสนานะ แต่ให้มันเกิดขึ้นมาในหัวใจของเรา ให้เรามีสติสัมปชัญญะ เราเป็นเจ้าของพุทธศาสนา ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เราเป็นชาวพุทธ เราเป็นเจ้าของศาสนา แต่แม้แต่บรรจุภัณฑ์มัน ภาชนะมันก็หาไม่เจอ แม้แต่คำสอนนะ แม้แต่ดูสิเขาเอาข้าวมาให้กิน ยังไม่มีช้อน ยังไม่มีอะไรไปเปิบมันเลย

นี่ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าวางไว้เลย หลักการวางไว้เลย แต่เราทำกันไม่ได้ พอทำกันไม่ได้ก็ไปตื่นเต้นกับบรรจุภัณฑ์ ตื่นเต้นกับสิ่งที่เป็นประเพณี วัฒนธรรม แล้วก็ตื่นเต้นกันไป ศาสนาอันนั้นเจริญกว่า พิธีกรรมอันนั้นใหญ่โตกว่า พิธีกรรมอันนั้นขลังกว่า ไอ้ของเราไม่มีอะไรเลยนะ

คนที่ไม่มีอะไรเลยนี่มันมี เพราะคนที่ไม่มีอะไรเลย ทำไมเขาดำรงชีวิตได้ นี่คนที่ไม่มีอะไรเลย เห็นไหม ไม่เอาสิ่งใดๆ เลย แต่รู้ทันหมด รู้เท่าทันกับประเพณี วัฒนธรรม นั้นมันเป็นเครื่องรักษาศาสนาไว้

ประเพณี วัฒนธรรม มันมาจากไหน? มันมาจากหัวใจของคน.. ประเพณี วัฒนธรรม มาจากไหน? มาจากครูบาอาจารย์ หรือวัฒนธรรมที่เขาตกผลึกกันมา แล้วเขาชี้ไปที่ไหนล่ะ? เขาชี้ไปแต่ความร่มเย็นเป็นสุขทั้งนั้นแหละ เขาชี้ไปในหัวใจทั้งหมด แต่เราไปตื่นเต้นกันแต่ข้างนอก เห็นไหม ดูอย่างประเพณีสงกรานต์ สงกรานต์เขาให้มีกตัญญูกตเวที เคารพผู้ใหญ่ แต่เราก็ไปสงกรานต์ อ้าว.. สาดน้ำเล่นกัน

นี่มันไหลไปตามโลก ไหลไปหมดเลย แล้วเราจะเอาหลักเกณฑ์อะไรกัน แล้วชาวพุทธนี่ ผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่ในสังคมไม่เป็นหลักเป็นเกณฑ์ ปล่อยให้สังคมมันชักนำกันไป ผู้เฒ่าผู้แก่นะ ถ้าเข้าใจศาสนาแล้วยืนไว้นะ ให้พุทธศาสนามีคุณค่า คนจะตื่นเต้นกับสิ่งใดให้เขาตื่นเต้นกันไป

ประเพณี วัฒนธรรม วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา รัฐบาลบอกให้ทำบุญกุศล เราทำบุญกุศล เห็นไหม มันเสียสละ เด็กจะรู้หรือไม่รู้ก็แล้วแต่ มีการเสียสละ มีการกระทำ มีการเคลื่อนไหว มีการเคลื่อนไหวมันต้องมีเหตุมีผลตอบสนองมา ตอบสนองมานะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องให้หัวใจมันมีการเคลื่อนไหว ไปวัดไปวาได้ฟังธรรม

ธรรมนี่ เทศนาว่าการนี้เป็นธรรม ธรรมคือเตือนสติไง สิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง สิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้วตอกย้ำมัน ตอกย้ำมันแล้วตั้งสติ เราจะเอาอะไร? เราเกิดมานี่ทุกข์ไหม? แล้วครูบาอาจารย์ท่านสะกิด เวลาฟังธรรมมันสะกิดหัวใจเรา แทงใจดำให้รู้จักตัวตนของเรา

สิ่งที่แสวงหา แสวงหาเพื่อใคร? แล้วสิ่งที่เราได้มาเป็นประโยชน์ความจริงไหม? แล้วครูบาอาจารย์ของเราอยู่ในป่าในเขา ท่านบวชมาตั้งแต่เป็นเณรจนท่านสิ้นชีวิตไป ท่านมีความสุขอะไร? ท่านทำไมอยู่ของท่านได้ แล้วทำไมเราต้องมาทุกข์มายากขนาดนี้ ทำไมเราจะต้องมาตื่นเต้น?

เอามาเทียบเคียงนะ มีสตินะ แล้วมันจะมีมุมมอง มีความคิด ทำให้ชีวิตเรามีทางออก ไม่ใช่ชีวิตเราอั้นตู้แล้วก็ทุกข์อยู่คนเดียวนั่นล่ะ จมอยู่กับความทุกข์นั่นล่ะ ถ้าศาสนาชี้ถึงทางออกนะ ทางออกของความคิด ทางออกของชีวิต ทางออกทุกๆ อย่าง ทางออกถึงที่สุดไม่กลับมาเกิดอีกเลย จะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกแล้ว

เกิดในโลกนี้เกิดมาจากพ่อจากแม่ เกิดมาจากกาม แล้วจะพ้นออกไปจากกามให้ได้ด้วยการกระทำของเรา แล้วมันพ้นอย่างไร? มันมีวิธีการไปได้ ถ้าไม่มีวิธีการไปได้ ศาสนานี้ ๒,๐๐๐ กว่าปีมันต้องพิสูจน์ได้ ถ้ามีการโกหกมดเท็จ ๒,๐๐๐ กว่าปีนี่ต้องมีการพิสูจน์ มีการชี้ข้อบกพร่องของศาสนานี้ได้

ศาสนาพุทธเราไม่มีใครสามารถชี้ข้อบกพร่องเลย มีแต่ใครประพฤติปฏิบัติเข้าไปแล้วจะกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจทั้งนั้นแหละ กราบด้วยหัวใจ ทำไมพระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไร? ทำได้อย่างไร? ไอ้สิ่งที่ลึกลับมหัศจรรย์ในหัวใจ มันล้างให้สะอาดได้อย่างไร? แล้วมันล้างให้สะอาดได้เพราะอะไร เราก็ทำกันไม่ได้

นี่ธุดงควัตรก็ทุกข์ นั่งสมาธิก็ทุกข์ ไปป่าก็ทุกข์ ทำอะไรก็ทุกข์.. มันก็ทุกข์น่ะสิ เพราะกิเลสมันโดนจับมาขึงพรืด กิเลสอยู่ที่ตัวมัน มันเอาเปรียบตลอดเวลา แต่พอมีธรรมะ พอเราศรัทธาในศาสนา เราศรัทธาในศีล สมาธิ ปัญญา เราจับมันมามัดไว้ พอจับมันมามัดมันก็ดิ้นรน ก็บอกว่าทุกข์ๆ ก็จับกิเลสมันมามัดไว้ทำไมจะไม่ทุกข์ แล้วจะสู้กับมัน จะทำลายมัน ตั้งสติแล้วเราเอาตัวเรารอดได้ เอวัง